10 ประโยชน์ ‘เคล’ ราชินีผักใบเขียวที่สาย ‘สุขภาพ’ ต้องรู้จัก
อีกหนึ่งอาหาร “สุขภาพ” ที่กำลังมาแรงในปี 2020 คงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจาก “เคล” (Kale) หรือ “คะน้าใบหยัก” โดยพบว่าในช่วง 1-2 ปีมานี้ มีโปรดักส์อาหารเสริมจากผักเคลออกวางจำหน่ายตามท้องตลาดจำนวนมากในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เคลแคปซูล, เคลพาวเดอร์, เคลอบกรอบ(Chips), สมูทตี้เคล ฯลฯ
สำหรับคนไทยคงคุ้นเคยกับ ‘ผักคะน้า’ กันอยู่แล้วในเมนูอาหารไทยทั่วไป แต่สำหรับ “เคล” เป็นคะน้าที่มีหน้าตาแตกต่างออกไป ด้วยขอบใบที่มีลักษณะหยิกหยักไปมา และเป็นพืชที่เน้นกินใบเป็นหลักว่าแต่.. เจ้าผักใบเขียวเข้มชนิดนี้มีประโยชน์อย่างไร? และทำไม “เคล” จึงถูกเรียกว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดของหนุ่มสาวสายสุขภาพในยุคนี้? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนหาคำตอบไปพร้อมกัน
“เคล” หรือ “คะน้าใบหยัก” มาจากที่ไหน?
“เคล” เป็นผักที่มีตระกูลเดียวกับ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ และบร็อคโคลี ผักเคลมีหลากหลายสายพันธุ์ ใบอาจมีได้ตั้งแต่สีเขียว สีม่วง ขอบใบเรียบหรือขอบใบเป็นลอน แต่ที่เป็นที่พบมากที่สุดคือ เคลใบหยักสีเขียวเข้มและมีลำต้นที่แข็งเป็นเส้นๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทำไม ‘อะโวคาโด’ เป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ดของสาย ‘สุขภาพ’
ผักเคลมีต้นกำเนิดในแถบประเทศเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและเอเชียไมเนอร์ ซึ่งได้รับการเพาะปลูกเพื่อเป็นอาหารตั้งแต่ปี 2000 ก่อนคริสตศักราช ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช คะน้าใบหยิกและคะน้าใบแบนถูกพบในประเทศกรีซ ซึ่งชาวโรมันเรียกว่า ‘คะน้าซาเบลเลียน’ ถือเป็นบรรพบุรุษของคะน้าสมัยใหม่
จากนั้นผักเคลได้แพร่กระจายออกไปทั่วยุโรปในศตวรรษที่ 13 และยังพบบันทึกของชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 14 เขียนถึงผักเคลประเภทต่างๆ อีกทั้งพบผักเคลบางสายพันธุ์มาจากประเทศรัสเซียด้วย ต่อมาผักเคลถูกนำเข้ามาในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาโดยพ่อค้าชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 19 จากนั้นผักเคลก็ถูกแพร่ขยายไปสู่โครเอเชีย มีการปลูกผักเคลกันอย่างแพร่หลายในโครเอเชียเพราะปลูกง่ายและราคาไม่แพง จากนั้นมันเป็นที่นิยมมากขึ้นในฐานะผักที่กินได้ในช่วงปี ค.ศ. 1990 เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
“เคล” ในปี 2020 ซูเปอร์ฟู้ดยอดฮิต!
บทความแนะนำ
- แชร์วิธีเพิ่มการเผาผลาญแบบง่ายๆ ที่ช่วยให้หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มเร็วขึ้น
- วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้อง ต้องทำไร
มาถึงในยุคนี้ “เคล” ถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งผักสีเขียวทั้งมวล (Queen Of Greens) และได้รับการยอมรับว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดหรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและหลากหลาย เมื่อเทียบกับผักประเภทอื่นๆ ในปริมาณที่เท่ากัน
โดยผักเคลต้มสุก 1 ถ้วยหรือประมาณ 118 กรัม มีสารอาหารมากมาย เช่น โปรตีน, แคลเซียม, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, ธาตุเหล็ก, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินเค, วิตามินบี1 บี2 บี3, ไฟเบอร์ และที่โดดเด่นสุดๆ คือมีสารลูทีนและซีแซนทีน ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยดูแลดวงตาได้อย่างดี
นอกจากนี้ “เคล” ยังเป็นผักที่มีแคลอรี่ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ และด้วยความที่มันเป็นผักที่มีสารอาหารหลากหลาย การกินผักเคลให้มากขึ้นจึงเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มปริมาณสารอาหารให้ร่างกาย
ติดตามเนื้อหาดีๆ น่าอ่านได้ที่ sugarcreekglencampground.com อัพเดตทุกสัปดาห์